Jaideep Jhangiani คือผู้อำนวยการด้านการตลาด Ads ของ Google ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เทคโนโลยี AI มีความก้าวหน้ารวดเร็วกว่ามากเมื่อเทียบกับอินเทอร์เน็ต นักการตลาดจึงมีเครื่องมือใหม่ๆ ที่ช่วยให้กระบวนการทางการตลาดมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ตั้งแต่การเรียนรู้ความต้องการของลูกค้า การคิดหาไอเดียและสร้างแคมเปญที่ได้ผลดี ไปจนถึงการขยายผลลัพธ์ต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียแปซิฟิกที่ก้าวมาถึงจุดที่ “ถ้าไม่ใช้ก็ตามใครไม่ทัน” เพราะ 85% ของนักการตลาดกล่าวว่าพวกเขากำลังอยู่ในขั้นตอนของการวางแผนหรือออกแบบการนำ AI มาใช้งาน1
แน่นอนว่า AI เป็นผู้ช่วยที่ทรงประสิทธิภาพมากสำหรับผู้ลงโฆษณาในหมวดหมู่ที่มีข้อมูลมากพอ แต่อย่าลืมว่าเอาต์พุตของ AI จะดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับอินพุตที่ได้รับ ถ้าเราป้อนข้อมูลคุณภาพต่ำ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างกัน
นี่คือสาเหตุที่ AI จะไม่มีวันเข้ามาแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ อินไซต์เชิงกลยุทธ์ และความเชี่ยวชาญของคุณได้ สิ่งเหล่านี้เป็นข้อได้เปรียบของมนุษย์อย่างเรา ซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้ว คุณจะปลดล็อกศักยภาพของ AI ได้อย่างเต็มรูปแบบและมีเทคโนโลยีอันทรงพลังอยู่ในมือที่จะสร้างความแตกต่างให้กับคุณ AI นี้จะช่วยให้คุณทำสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้และเปิดโอกาสใหม่ๆ ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจของคุณ
แต่ในเมื่อ AI เกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทำไมจึงเพิ่งมีกระแสความนิยมในขณะนี้
เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใดทุกคนจึงให้ความสำคัญและให้ความสนใจ AI และทำไมทุกคนจึงเข้าถึง AI ได้ง่ายขึ้น รวมถึงเพื่อให้เราเห็นคุณค่าของช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้ เราจะมาย้อนกลับไปปี 2540 ซึ่งเป็นปีที่ Deep Blue กลายเป็นอัลกอรึทึมคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่เอาชนะแชมป์โลกหมากรุกได้
ความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ AI
Deep Blue เป็น Predictive AI แรกๆ ที่เรียนรู้จากรูปแบบที่ผ่านมาเพื่อคาดการณ์ตัวเลือกที่จะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด โดยได้รับการฝึกมาเพื่อแก้โจทย์เชิงตัวเลขที่ซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงอย่างหมากรุก
นับแต่นั้นมา Google ก็ได้ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ที่คุณชอบใช้กันด้วย Predictive AI ซึ่งช่วยปรับปรุงการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานของเราอย่างต่อเนื่องด้วยนวัตกรรมต่างๆ อย่างการคาดการณ์การจราจรใน Google Maps และ Smart Bidding ใน Google Ads
แม้ว่าหลายคนจะคุ้นเคยกับแอปพลิเคชันที่ทำงานด้วย Predictive AI ซึ่งเน้นไปที่การให้เหตุผลเพื่อบรรลุผลลัพธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่การเปลี่ยนผ่านครั้งล่าสุดนี้โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ Generative AI ซึ่งทำงานต่างออกไป โดยจะให้เหตุผลในหัวข้อและสาขาที่หลากหลาย ตั้งแต่บทกวี โจทย์คณิตศาสตร์ การวินิฉัยทางการแพทย์ ไปจนถึงการตลาด และยังสามารถสร้างเนื้อหาใหม่ได้อีกด้วย
ด้วยความที่ Generative AI มีความซับซ้อนกว่า Predictive AI อย่างมาก โมเดลจึงต้องมีขนาดใหญ่กว่า เมื่อปี 2560 โมเดลในกลุ่มนี้มีขนาดน้อยกว่า 100 ล้านพารามิเตอร์ แต่หลังจากนั้นในปีเดียวกันทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อ Google เปิดตัวสถาปัตยกรรม “Transformer” ซึ่งตัว “T” นี้คือส่วนหนึ่งของ “GPT” ที่คุณได้ยินบ่อยๆ นั่นเอง
สถาปัตยกรรมดังกล่าวทำให้การออกแบบโมเดล AI ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และขนาดโมเดลก็ขยายขึ้น 18,000 เท่าในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดมีขนาดถึง 1.8 ล้านล้านพารามิเตอร์ในปี 2566 เมื่อนำมาเทียบกันแล้ว ขนาดของโมเดลภาษาขนาดใหญ่นั้นโตเร็วกว่าการพัฒนาของความเร็วอินเทอร์เน็ตถึง 4 เท่าในระยะเวลาเพียง 1 ใน 5 นี่คือสาเหตุที่ทำให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ของ AI มากมาย
การพัฒนา 2 ครั้งสำคัญของ Generative AI ที่สร้างการเปลี่ยนแปลง ได้แก่
นอกจากเรื่องของขนาดแล้ว Generative AI ยังก้าวหน้าในด้านอื่นๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการทำงานกับข้อมูลหลายรูปแบบ (Multimodal)
ยกตัวอย่างโมเดล Gemini ที่สร้างขึ้นมาให้ทำงานแบบ Multimodal ตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งหมายความว่า Gemini สามารถทำความเข้าใจและทำงานกับข้อมูลหลากหลายประเภทได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ เสียง โค้ด และข้อความ
นอกจากนี้หน้าต่างบริบท (Context Window) ของ Generative AI ยังโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งหน้าต่างบริบทนี้คือปริมาณข้อมูลที่โมเดลสามารถรับและประมวลผลสำหรับพรอมต์ที่ได้รับ
หน้าต่างบริบทของ Gemini 1.5 Pro มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2 ล้านโทเค็นในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคมปี 2567 ซึ่งหมายความว่าขณะนี้โมเดลดังกล่าวสามารถรับและประมวลผลเนื้อหาได้เทียบเท่ากับหนังสือ 5,000 หน้า, วิดีโอความยาว 2 ชั่วโมง, ไฟล์เสียงความยาว 22 ชั่วโมง หรือโค้ด 60,000 บรรทัด และให้เหตุผลที่มีความแม่นยำและความซับซ้อนสูงได้แทบจะในทันที
พลังของ AI
ปัจจุบันนี้นักการตลาดเช่นคุณสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI ในแคมเปญต่างๆ เพื่อเรียนรู้ หาไอเดีย สร้าง และเพิ่มศักยภาพของแคมเปญการตลาด
เรียนรู้
การศึกษาแคมเปญในระยะเริ่มต้น เช่น การประเมินศักยภาพหรือขนาดกลุ่มเป้าหมายของตลาดใหม่ อาจต้องใช้เวลานาน แต่ Gemini จะช่วยคุณทำการประเมินได้ในไม่กี่นาที นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่เปิดตัวใหม่อย่าง Gems ที่ให้คุณสร้างผู้เชี่ยวชาญ AI ส่วนตัวสำหรับเรื่องหนึ่งๆ ได้อย่างง่ายดายในไม่กี่คลิก
สมมติว่าคุณเป็นแบรนด์กาแฟที่ต้องการใช้แคมเปญเพื่อเข้าถึงคอกาแฟ Gen Z ในประเทศไทย คุณสามารถเริ่มด้วยการสร้าง Gem ที่กำหนดให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทำวิจัยตลาดส่วนตัว แล้วคุณก็จะสามารถขอให้ Gem วิเคราะห์ขนาดของตลาด Gen Z ในจังหวัดต่างๆ ของไทยด้วยพรอมต์เดียว หรือจะฝึก Gem ด้วยผลการศึกษาวิจัยที่คุณเคยทำมาก่อนหน้าเพื่อให้ได้รับคำตอบที่เกี่ยวข้องมากขึ้นก็ได้เช่นกัน
หาไอเดีย
ฟีเจอร์การสร้างไอเดียของ Gemini จะช่วยคุณก้าวจากขั้นตอนการเรียนรู้ไปยังขั้นตอนการระดมความคิด และเริ่มต้นกระบวนการสร้างสรรค์ได้ สมมติว่าเป็นแคมเปญของแบรนด์กาแฟข้างต้น คุณสามารถหาแรงบันดาลใจด้วยการขอให้ Gemini เสนอไอเดียสัก 4-5 อย่างสำหรับแคมเปญวิดีโอความยาว 30 วินาทีเพื่อเข้าถึงคน Gen Z ที่ดื่มกาแฟ
อย่าลืมว่า ยิ่งเขียนพรอมต์ที่เฉพาะเจาะจง ไอเดียที่ได้รับก็จะยิ่งดี และคุณยังสามารถถามต่อยอดเกี่ยวกับไอเดียที่คุณชอบด้วยพรอมต์อย่าง “ขอรายละเอียด” หรือ “ช่วยอธิบายเพิ่ม” ได้อีกด้วย
สร้าง
หลังจากได้ไอเดียดีๆ แล้ว คุณก็เริ่มขั้นตอนการผลิตได้ด้วย Imagen 3 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดที่ล้ำหน้าที่สุดของเราสำหรับการเปลี่ยนข้อความเป็นรูปภาพ เครื่องมือนี้จะช่วยสร้างรูปภาพคุณภาพสูงหลากหลายรูปแบบในไม่กี่วินาที โดยอิงจากพรอมต์ของคุณ
สำหรับแคมเปญของแบรนด์กาแฟนี้ คุณอาจเขียนพรอมต์ให้ Imagen 3 สร้างรูปภาพสำหรับแคมเปญของคุณโดยเฉพาะ
หรือถ้าคุณอยากสร้างวิดีโอสำหรับแคมเปญ ก็ทำได้ด้วยโมเดลสำหรับการสร้างวิดีโอล่าสุดที่มีความล้ำหน้าที่สุดของเราอย่าง Veo ซึ่งสามารถสร้างวิดีโอคอนเทนต์ความละเอียดสูงจากข้อความพรอมต์ที่มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้
เพิ่มศักยภาพ
คุณสามารถสร้างอิมแพคได้มากขึ้นจากครีเอทีฟโฆษณาที่ดึงดูดและแคมเปญที่น่าสนใจด้วยการแสดงแคมเปญต่อกลุ่มเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของพวกเขา
แต่การจะทำเช่นนั้นได้ คุณต้องเลือกซื้อการแสดงโฆษณาได้ถูกต้องและตัดสินใจท่ามกลางตัวเลือกจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งตรงนี้เองที่ AI ทำให้คุณได้
แคมเปญโฆษณาที่ทำงานด้วย AI ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการตลาดมานานหลายปี และนับวันจะยิ่งทำงานได้ละเอียดซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดได้ตลอดทั้ง Funnel
ตัวอย่างเช่น แคมเปญวิดีโอที่ทำงานด้วยระบบ AI บน YouTube จะช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ชมที่มีส่วนร่วมทั้งในสตรีม ในฟีด และใน Shorts เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่หลากหลาย ถ้าต้องการสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้ใช้ Video Reach Campaign จากนั้นจึงกระตุ้นให้เกิดการพิจารณาแบรนด์ (Consideration) ด้วย Video View Campaign นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Demand Gen เพื่อสร้างดีมานด์ในแพลตฟอร์มของ Google ที่ผู้คนมีส่วนร่วมสูงอย่าง YouTube, Discover และ Gmail
เมื่อถึงระดับล่างของ Funnel คุณสามารถใช้ Performance Max เพื่อขยายแคมเปญให้ครอบคลุม Search และช่องทางต่างๆ ของ Google ทั้งหมด แคมเปญโฆษณาที่ทำงานด้วยระบบ AI ไม่เพียงช่วยคุณเข้าถึงลูกค้าในที่ที่พวกเขาอยู่เท่านั้น แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญตามเป้าหมายธุรกิจด้วย เช่น การเพิ่มกำไรสูงสุด
นักการตลาดอย่างเราทำงานโดยใช้ทั้งเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์กันมาเป็นเวลานานเพราะทั้งสองสิ่งนี้ทำให้เกิดผลงานสุดพิเศษ และเรารู้ดีว่าครีเอทีฟโฆษณาที่ดีจะนำไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยม เมื่อมาถึงยุคของ AI เราจึงต้องใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาสำคัญนี้และปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ สำหรับการตลาดเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจ
สมัครรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค แรงบันดาลใจ และกลยุทธ์ต่างๆ ทางอีเมลจาก Think with Google